การเลือกซื้อโปรเจคเตอร์

ปัจจุบันนี้ Projector นับได้ว่าเป็นอุปกรณ์ไอทีที่สำคัญและถือได้ว่าจำเป็นอีกชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน่วยงานราชการและบริษัทต่างๆ จะขาดเสียไม่ได้เลย หรือแม้กระทั่งการใช้เพื่อเพิ่มความบันเทิงภายในบ้านให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีใหม่ๆได้ถูกนำมาใช้ในการผลิตและพัฒนา Projector อยู่เสมอ ซึ่งก็เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ทั้งในด้านการใช้งานที่สะดวกมากขึ้น ถูกพัฒนาให้มีน้ำหนักเบาขึ้น มีการเพิ่มฟังชันการใช้งานมากขึ้น ในเรื่องของราคาที่ถึงแม้ว่าราคาของ Projector จะลดลงจากสมัยก่อนค่อนข้างมากแล้วแต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ผู้ที่คิดจะซื้อ Projector มาใช้งานสักเครื่องควรพิจารณาถึงคุณภาพในการใช้งานและความคุ้มค่าของราคาให้ ดีเสียก่อนที่จะตัดสินใจ

ในการเลือก ซื้อ Projector นั้นก็ต้องถามก่อนว่าจะนำ Projector ไปใช้ในงานประเภทไหน เช่น ใช้ในการ presentation งานตามสถานที่ต่างๆ , ใช้ติดตั้งถาวรในห้องประชุม , นำมาฉายภาพยนตร์ภายในบ้าน หรือการใช้งานในประเภทอื่นๆ ต่อไปนี้จะเป็นรายละเอียดต่างๆ ที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อ Projector

ความสว่าง ( Brightness )

Projector ทุกตัวจะมีค่าความสว่างของตัวมันเองที่ถูกตั้งค่ามาจากโรงงาน ค่านี้จะถูกระบุเป็นตัวเลข และจะใช้หน่วยเป็น ANSI lumens ค่านี้ถ้ายิ่งมากก็หมายความว่า Projector ตัวนั้นสามารถฉายภาพได้สว่างมากขึ้น ตัวอย่างเช่น Projector (a) มีค่าความสว่าง 1500 ANSI lumens, Projector (b) มีค่าความสว่าง 2000 ANSI lumens ดังนั้น Projector (b) จึงสามารถฉายภาพได้สว่างมากกว่า Projector (a)

…ANSI (American National Standards Institute) lumens คือมาตราที่ใช้ในการวัดค่าความสว่างของ Projector ...

ตัว แปรสำคัญในการเลือกค่าความสว่างของ projector คือสภาพแวดล้อมของแสงภายในสถานที่ ที่จะนำ Projector ไปใช้งาน ถ้าสถานที่นั้นมีแสงสว่างมากก็ควรจะเลือก Projector ที่มีค่า ANSI lumens มากตามไปด้วยเพราะว่าการนำ Projector ที่มีค่า ANSI lumens น้อยไปฉายในสถานที่ที่มีความสว่างมากจะทำให้เห็นภาพได้ไม่ชัดเจนเท่าที่ควร ในกรณีการติดตั้งตัวปรับแสง (dimmer) จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้และควรจะปรับแสงที่บริเวณใกล้กับจอรับภาพให้มืดที่สุด เท่าที่จะทำได้ด้วย อย่างไรก็ตามขอแนะนำว่าควรจะเลือก Projector ที่มีค่า ANSI lumens มากที่สุดเท่าที่จะสามารถซื้อได้ แต่ราคาก็จะสูงขึ้นด้วยเช่นกัน

ความละเอียดในการแสดงภาพ (Resolution )

ภาพ ที่เรารับชมจากภาพยนตร์หรือภาพต่างๆ ในจอคอมพิวเตอร์นั้นถูกสร้างขึ้นมาโดยการนำ pixels (pixels คือจุดของสีที่มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ) เป็นจำนวนมากมาประกอบกันขึ้นมาเป็นภาพ โดยที่ resolution ก็คือตัวที่ใช้บอกจำนวนของ pixels ที่ Projector สามารถแสดงออกมาเป็นภาพได้ resolution ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันมีดังนี้

• SVGA = 800 x 600 อธิบายได้ว่า Projector ใช้ pixels ในแนวนอนจำนวน 800 pixels และใช้ pixels ในแนวตั้งจำนวน 600 pixels ในการสร้างภาพ ภาพที่เห็นจะมีทั้งหมด 480000 pixels

• XGA = 1024x768 อธิบายได้ว่า Projector ใช้ pixels ในแนวนอนจำนวน 1024 pixels และใช้ pixels ในแนวตั้งจำนวน 768 pixels ในการสร้างภาพ ภาพที่เห็นจะมีทั้งหมด 786000 pixels

• SXGA = 1280x1024 อธิบายได้ว่า Projector ใช้ pixels ในแนวนอนจำนวน 1280 pixels และใช้ pixels ในแนวตั้งจำนวน 1024 pixels ในการสร้างภาพ ภาพที่เห็นจะมีทั้งหมด 1311000 pixels

• UXGA = 1600x1200 อธิบายได้ว่า Projector ใช้ pixels ในแนวนอนจำนวน 1600 pixels และใช้ pixels ในแนวตั้งจำนวน 1200 pixels ในการสร้างภาพ ภาพที่เห็นจะมีทั้งหมด 1920000 pixels

Standard (4:3)


ค่าความละเอียด

พิกเซลในแนวตั้ง

พิกเซลในแนวนอน

จำนวนพิกเซลรวม

SVGA

800

600

480000

XGA

1024

768

786000

SXGA

1280

1024

1311000

Widescreen (16:9)


ค่าความละเอียด

พิกเซลในแนวตั้ง

พิกเซลในแนวนอน

จำนวนพิกเซลรวม

WVGA

854

480

410000

WSVGA

1024

576

590000

WXGA

1280

720

922000

เลือก resolution ให้เพียงพอกับการใช้งาน การฉายภาพยนตร์หรือการ Presentation งานโดย Program Powerpoint, Word ที่ไม่ต้องการค่าความละเอียดสูงมากนัก resolution SVGA ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าต้องการใช้งานในการแสดงภาพ Graphic ที่มีความละเอียดค่อนข้างมากและต้องการความคมชัดสูง XGA เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับงานนี้

Native resolution หรือบางทีก็เรียกว่า True resolution ซึ่งจะเป็นการบอกถึงจำนวนของ pixels ที่มากที่สุดที่ Projector ตัวนั้นสามารถแสดงออกมาได้เช่น SVGA Projector จะบอกได้ว่า Projector ตัวนี้สามารถแสดงภาพโดยมีจำนวน pixels มากที่สุดเท่ากับ 480000

ความ เหมาะสม (Compatible) ระหว่าง Computer และ Projector ในการใช้งาน Computer ในปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่จะถูกใช้แสดงผลด้วย resolution XGA และเมื่อส่งสัญญาณที่เป็น resolution XGA จาก Computer ไปที่ Projector ที่มี resolution เป็น SVGA สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ แน่นอนคุณภาพของภาพที่ถูกฉายออกมาจาก Projector จะลดลง ถึงแม้ว่า Projector จะมีคุณสมบัติพิเศษที่เรียกว่า XGA compression ก็ตาม (XGA compression เป็นการบีบอัดขนาดของภาพเพื่อให้ได้ pixels ที่เล็กลงถ้าเป็นภาพธรรมดาจะมองไม่เห็นความผิดปรกติมากนัก แต่จะเห็นได้ชัดเจนในการแสดงตัวอักษรที่มีขนาดเล็ก)

Aspect ratio อัตราส่วนของความกว้างและความสูงของภาพ

1:1 ภาพจะมีความกว้าง 1ส่วนและยาว1 ส่วนภาพที่ได้จะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส

4:3 ภาพจะมีความกว้าง 4 ส่วน สูง 3 ส่วน มีลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า

16:9 ภาพจะมีความกว้าง 16 ส่วน ยาว 9 ส่วน หรือที่เรียกว่า Windscreen (resolution ของ windscreen จะมีตัว W นำหน้า เช่น WVGA = 854x480, WSVGA = 1024x576, WXGA = 1280x720

พิจารณาด้วยว่า Projector ที่กำลังจะซื้อนั้นสามารถแสดงผลในอัตราส่วนใดได้บ้าง

ขนาดของภาพและระยะในการแสดงผล (Picture sides & Throw Distance)

ภาพ ที่ได้จาก Projector แต่ละตัวจะมีขนาดที่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับระยะทางระหว่าง Projector กับ Screen และ Lens ที่ใช้ เช่น Projector ตัวหนึ่งสามารถฉายภาพที่มีขนาดเท่ากับ 30 - 300 นิ้วที่ระยะทาง 1 - 9 เมตร Projector ตัวนี้ฉายภาพได้ขนาด 30 นิ้วที่ระยะทางใกล้ที่สุดคือ 1 เมตร และจะได้ภาพขนาด 300 นิ้วที่ระยะทาง 9 เมตร ถ้านอกเหนือจากนี้จากระยะดังกล่าวจะไม่สามารถปรับ Focus เพื่อความชัดเจนได้ จะเห็นได้ว่าขนาดของภาพขึ้นอยู่กับระยะทางของ Projector กับ Screen แต่ถ้าในกรณีที่มีพื้นที่จำกัด Zoom Lens จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้

Contrast

Contrast ratio อัตราส่วนความแตกต่างของแสงระหว่างพื้นที่สีขาวกับพื้นที่สีดำที่ Projector สามารถแสดงได้ มีวิธีการวัดอยู่สองแบบ 1) Full On/Off Contrast วัดอัตราส่วนแสงจากพื้นที่ที่มีสีขาวที่สุด (full on) และพื้นที่ที่ดำที่สุด (full off) ของภาพ , 2) ANSI Contrast โดยฉายภาพขาวดำจำนวนสิบหกภาพ แล้วจึงวัดหาค่าเฉลี่ยแสงของพื้นสีขาวและพื้นสีดำ ค่า Contrast ยิ่งมากจะทำให้ได้ภาพที่มีความคมชัดเจนในทุกรายละเอียด และยังทำให้เห็นถึงมิติของภาพเพิ่มมากขึ้นด้วย ในการเลือกซื้อควรใช้มาตรฐานการวัด Contrast ชนิดเดียวกันในการเปรียบเทียบ Projector ที่มีค่า Contrast ยิ่งมากยิ่งดี

Contrast สูง Contrast ต่ำ

Projector Technology (LCD, DLP, LCOS)


ระบบ กลไกที่ Projector ใช้ในกระบวนการ Process เพื่อทำให้เกิดเป็นภาพให้เราได้เห็นกันนั้นนับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะต้อง ศึกษาทำความเข้าใจเป็นอย่างยิ่ง Projector แต่ละตัวจะใช้ Technology ในการผลิตที่แตกต่างกันไปในแต่ละ Brand Technology ที่แตกต่างกันก็จะให้คุณภาพในการแสดงผลที่แตกต่างกัน

ณ ปัจจุบันนี้ Projector ถูกผลิตออกมาวางจำหน่ายด้วย Technology ดังนี้ LCD (Liquid Crystal Display) , DLP (Digital Light Processing) และ LCOS (Liquid Crytal On Silicon)

LCD Technology

Technology ชนิดนี้จะเป็นการใช้แผ่น LCD สามแผ่นในการสร้างภาพ แสงจะถูกแยกออกเป็นสามสี เขียว แดง น้ำเงิน เพื่อส่งไปยังแผ่น LCD และจะถูกรวมโดย Prism ส่งต่อไปยัง lens ฉายเป็นภาพออกมา


เนื่อง จากระบบ LCD เป็นระบบที่ติดตั้งถาวร ไม่มีการเคลื่อนที่ของชิ้นส่วนใดเลย ภาพที่ปรากฏออกมาจึงมีความสดใส สว่าง และสามารถแสดงสีได้อย่างสมจริงเป็นธรรมชาติ

DLP Technology

DLP (Digital Light Processing) เป็นกระบวนการสร้างภาพในระบบ Digital โดยจะใช้ Chip ที่เรียกว่า DMD (Digital Micromirror Device) Chip ซึ่งคิดค้นขึ้นโดย Dr.Harry Hornbeck แห่งสถาบัน Texas Instruments ในปี ค.ศ.1987

chip นี้ถูกบรรจุด้วยวงจร Electronic และกระจกซึ่งมีขนาดเล็กกว่าเส้นผม มีกระจกเป็นจำนวนถึง 1.3 ล้านแผ่นถูกบรรจุอยู่บน chip chip จะส่งสัญญาณภาพไปยังกระจกโดยที่กระจกเหล่านี้ถูกทำให้สามารถเปลี่ยนทิศทางใน การสะท้อนแสงหรือเลือกว่าจะรับหรือไม่รับแสงได้

การ ทำงานของกระจกบน chip แสดงได้ดังนี้ กระจกด้านซ้ายและด้านขวาจะสะท้อนแสงไปที่ lens เพื่อฉายเป็นภาพ กระจกอันกลางจะสะท้อนแสงที่ไม่ต้องการไปที่ตัวซับแสง

วงล้อสี (color filter หรือ color wheel)

แสง จะถูกส่งผ่านวงล้อสีซึ่งหมุนเป็นพันๆรอบต่อวินาทีก่อนแล้วจึงเดินทางไปที่ chip เริ่มแรกเลยนั้นวงล้อมีเพียงสามสีคือ แดง เขียว น้ำเงิน แต่ก็ได้มีการเพิ่มสีเข้ามาจนเป็นหกสีและเจ็ดสี

ระบบ DLP สามารถสร้างโทนสีเทาได้ถึง 1024 โทนและสร้างสีได้ถึง 16.7 ล้านสีขึ้นไปจนถึง 35 ล้านสีในระบบสาม chip

ระบบ DLP มีทั้งที่ใช้ chip เดียวและสาม chip การเพิ่มจำนวน chip ทำให้ประสิทธิภาพในการแสดงผลที่ดีขึ้น ระบบที่ใช้สาม chip นี้มีราคาสูงเราจึงพบว่า Projector ในท้องตลาดส่วนใหญ่จะใช้ระบบ chip เดียว

ระบบ 1-Chip DLP

ระบบ 3-Chip DLP

Projector ที่ถูกผลิตด้วยระบบ DLP นี้จะให้ภาพที่คมชัด มีค่า contrast ที่สูง มีน้ำหนักเบาและมีอายุการใช้งานได้นาน

LCOS Technology

LCOS (Liquit Cristal On Silicon) ได้ถูกผลิตขึ้นโดยใช้แนวคิดในการการผสมผสาน Technology ของ LCD กับระบบ Chip ที่ใช้ใน DLP โดยเราจะได้ข้อดีจากทั้งสองระบบทำให้ได้ภาพที่มีความคมชัด มีสีที่สมจริง มีค่า contrast สูง

ปัจจุบันได้มีการผลิต Projector ที่ใช้ Technology LCOS ออกมาบ้างแล้ว แต่มีราคาสูงมาก

ระบบการเชื่อมต่อ (Conectivity)

Ports หรือช่องที่ใช้ในการรับส่งสัญญาณภาพและเสียงระหว่างอุปกรณ์ตั้งแต่สองตัว ขึ้นไป เราจะพบ ports ต่างๆ อยู่ทางด้านหลังของตัว Projector จะต้องมีการนำเอาสายสัญญาณมาเชื่อมต่อเข้ากับ ports เสียก่อน Projector จึงจะสามารถรับสัญญาณแล้จึงส่งออกมาเป็นภาพได้

VGA, Mini D-Sub 15 Pin ช่องสัญญาณภาพ Computer

Component Video, RGB ช่องสัญญาณภาพให้ความคมชัดสูงกว่าช่อง video และ S-Video

S-Video ช่องสัญญาณภาพให้ความคมชัดสูงกว่าช่อง Video

Composite Video ช่องสีเหลืองคือสัญญาณภาพ (video), ช่องแดงและขาวคือสัญญาณเสียง (audio)

DVI (Digital Video Interface) ช่องสัญญาณเฉพาะระบบ digital

Scart ( เป็น port สำหรับสัญญาณดาวเทียมระบบ digital สามารถใช้ในการแปลงสัญญาณไปสู่ระบบ Composite หรือ S-Video)

เหล่า นี้เป็น ports มาตรฐานที่ Projector เครื่องหนึ่งๆ ควรจะมี ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้ผลิตด้วยว่าจะใส่ ports อะไรบ้างมาใน Projector ตัวนั้น ในจำนวนนี้ DVI และ Component เป็น ports ที่ให้คุณภาพสูงที่สุด

ที่กล่าวมาแล้วเป็นระบบที่เชื่อมต่อโดยการใช้สาย (Cables) แต่ปัจจุบันได้มีการผลิต projector ที่มีระบบ wireless ออก มาวางจำหน่ายเป็นจำนวนมาก ข้อดีของมันคือไม่ต้องต่อสายให้ยุ่งยากเกะกะ ไม่มีการสูญเสียของสัญญาณเนื่องจากสายที่ยาวเกินไป สะดวกในการเคลื่อนย้าย


หลอดภาพ (Projector Lamps)

หลอด ภาพของ Projector ก็เหมือนกับหลอดไฟฟ้าทั่วๆ ไป คือมีอายุการใช้งานถ้าใช้งานมากก็จะเสื่อมสภาพเร็วถ้าใช้งานน้อยก็จะอยู่ได้ นาน ตัวหลอดจะมีการบอกอายุการใช้งานโดยบริษัทผู้ผลิต ส่วนใหญ่จะบอกเป็นจำนวนชั่วโมง Projector บางตัวที่มีระบบประหยัดพลังงาน (Economic Mode) ก็จะยืดอายุการใช้งานของหลอดภาพได้มากขึ้น หลอดภาพเป็นชิ้นส่วนชิ้นหนึ่งของ Projector ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้แต่ก็ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่า มี Projector จำนวนน้อยเท่านั้นที่เราสามารถถอดเปลี่ยนหลอดได้เอง

น้ำหนัก (weight)

ใน กรณีที่ต้องมีการเคลื่อนย้าย Projector บ่อยๆ ก็ควรเลือก Projector ที่มีน้ำหนักเบาเข้าไว้ เดี๋ยวนี้ Projector ขนาดเล็กมีน้ำหนักเพียง 0.9 กิโลกรัมเท่านั้น

การรับประกันสินค้าและบริการ (warranty&services)

Projector เป็นอุปกรณ์ที่มีราคาสูง หากเกิดการชำรุดหรือเสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้ขึ้นมา คงจะเป็นเรื่องยุ่งยากพอสมควร เพราะฉะนั้นควรสอบถามเรื่องระยะเวลารับการประกันชิ้นส่วนต่างๆ ของ Projector และหลอดภาพ รวมถึงศูนย์บริการในกรณีที่เกิดมีปัญหากับ Projector ขึ้นมา

------------------------------------------------

การ เลือกซื้อ Projector ควรพิจารณาว่าจะนำไปใช้งานประเภทไหน รวมถึงสถานที่และจำนวนผู้ชมด้วย ทั้งนี้ความเข้าใจในระบบที่มีมาพร้อมกับ Projector น่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อ Projector ให้เหมาะกับการใช้งานได้อย่างถูกต้องและคุ้มค่ามากที่สุด